
เป็นไหมไอเรื้อรังจนนอนไม่ได้ หรือไอจนปวดหัวปวดท้องกันเลยทีเดียว ดังนั้นลองมาดูเทคนิคดีๆ จากภูมิปัญญาไทยและอีกฟากฝั่งของโลกมาช่วยในการดูแลตัวเอง เพราะเชื่อได้เลยว่าอากาศของเมืองไทยเรานั้น นอกจากจะร้อนแรงเพราะแสดงแดดแล้ว ยังโดนฝุ่นละออง PM2.5 เข้ามาถล่มกันแบบหายใจหายคอแทบไม่ทัน คนที่เคยแข็งแรงก็เริ่มป่วยได้ง่าย ส่วนคนที่ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือคนที่เป็นภูมิแพ้ก็จะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ จากไอธรรมดากลายเป็นไอเรื้อรังเป็นเดือนกว่าจะดีขึ้น ดังนั้นเราจึงรวมเคล็ดลับทั้งไทยและต่างแดนพร้อมทั้งสาระดีๆ ที่จะมาช่วยบรรเทาอาการไอให้ดีขึ้นได้
ไอเรื้อรังเป็นเดือนเกิดจากอะไร
ต้องบอกก่อนว่าคนทั่วไปนั้นมักจะมีอาการไอเป็นช่วงสั้น ๆ โดยสาเหตุส่วนใหญ่ก็เกิดจากที่ร่างกายเป็นหวัดหรือแพ้อากาศ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วอาการไอน่าจะหายได้เองภายใน 2-3 วัน หรือหากมีอาการไอระคายคอรุนแรง ก็อาจจะต้องใช้เวลาบรรเทา ซึ่งอาจจะกินเวลาเป็นอาทิตย์เลยกว่าที่รู้สึกดีขึ้น แต่ถ้าหากคราใดที่คุณเริ่มมีอาการไอเรื้อรังเป็นเดือนๆ โดยหากมีอาการไอที่ติดต่อกันเกิน 8 สัปดาห์ขึ้นไป ทางการแพทย์จะเรียกว่า “อาการไอเรื้อรัง” ซึ่งอาการไอแบบนี้อาจเป็นผลมาจากสภาวะต่างๆ เช่น ภูมิแพ้อากาศ แพ้ฝุ่นควัน แพ้ละอองเกสร ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่จะก่อให้เกิดความรำคาญในการใช้ชีวิตประจำวันเสียมากกว่า
สาเหตุหลักของอาการไอเรื้อรังเป็นเดือน
- โรคหอบหืด
- กรดไหลย้อน (GERD)
- โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังหรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในรูปแบบอื่น ๆ (COPD)
- การติดเชื้อ เช่น ปอดบวมหรือหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน
- ไอเรื้อรังเป็นเดือนจากการสูบบุหรี่ติดต่อกัน
สาเหตุรองที่พบได้ค่อนข้างน้อยสำหรับอาการไอเรื้อรังเป็นเดือน
- เกิดความเสียหายต่อระบบทางเดินหายใจ ที่ทำให้ผนังหลอดลมในปอดอักเสบและหนาขึ้น
- หลอดลมฝอยอักเสบ ซึ่งเป็นการติดเชื้อและการอักเสบของหลอดลม
- โรคซิสติกไฟโบรซิส เป็นภาวะที่สามารถทำลายปอดและอวัยวะอื่น ๆ ได้
- หัวใจล้มเหลว
- โรคมะเร็งปอด
- ไอกรน
เคล็ดลับดูแลอาการไอเรื้อรังเป็นเดือนแบบภูมิปัญญาไทยและเทศ
- พลูคาว สมุนไพรไทยอย่าง “พลูคาว” นั้นมีงานวิจัยที่น่าสนใจจากหลายแหล่ง โดยจากการศึกษาพบว่าพลูคาวเป็นพืชที่มีคุณสมบัติในการดูแลและเยียวยาร่างกาย รวมถึงอาการไอเรื้อรังที่หลายคนเป็นอีกด้วย โดยจากผลงานวิจัยและการทดลองของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ และศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ในปี 2556 และ 2557 นั้นพบว่า ต้นของพลูคาวนั้นสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจได้ โดยเฉพาะอาการไอและหลอดลมอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มะขามป้อม ถือเป็นพืชสมุนไพรยอดนิยมในการดูแลอาการไอ เพราะในมะขามป้อมนั้นมีทั้งวิตามินซี กรดแกลลิก แทนนิน และฟลาโวนอยด์ ที่ทั้งรักษาอาการหวัด และช่วยขับเสมหะได้เป็นอย่างดี โดยคนสมัยก่อนนิยมนำมารับประทานโดยตำกับเกลือ แล้วนำมาเคี้ยวหรืออมวันละ 3-4 ครั้ง
- น้ำผึ้ง ถือเป็นสูตรบรรเทาอาการไอเรื้อรังจากต่างประเทศที่นิยมใช้กันอย่างมากมาย โดยมีการศึกษาเรื่องน้ำผึ้งกับการบรรเทาอาการไออย่างเจาะลึกเลยทีเดียว ที่สำคัญผลออกมาค่อนข้างดีคือ สามารถบรรเทาไอได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับสูตรฝรั่งนั้นจะนิยมชงชาผสมกับน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา แต่ใครที่แพ้น้ำผึ้งควรหลีกเลี่ยงนะคะ
- ขิง ในต่างประเทศนิยมใช้ชาขิงชงเพื่อบรรเทาอาการไอแห้งหรือเป็นโรคหืด เนื่องจากมีคุณสมบัติต้านการอักเสบได้อย่างดี โดยฝานขิงสดให้เป็นแว่น ๆ 20–40 กรัม ลงในน้ำร้อนหนึ่งถ้วย อาจจะเติมน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น
Reference
https://www.medicalnewstoday.com/articles/322394#twelve-natural-cough-remedies
http://medherbguru.gpo.or.th/articles/D30_Emblica.pdf
https://www.doa.go.th/research/attachment.php?aid=2435
https://jamanetwork.com/journals/jamapediatrics/fullarticle/571638